"The New iPad
(iPad 3) หน้าจอแบบ Retina Display ละเอียดขึ้นกว่าเดิม ชิป Apple A5X แบบ
Dual-core Processor และประมวลผลภาพเร็วขึ้นด้วย GPU แบบ Quad-core
Processor พร้อมกล้องละเอียดขึ้น 5 ล้านพิกเซล"
[8-มีนาคม-2555] สิ้นสุดการรอคอยเสียทีครับ กับการเปิดตัว ไอแพด (iPad) รุ่นใหม่ ของปี 2012 ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการแบบสั้นๆ ว่า ไอแพด iPad 3 (The new iPad) ซึ่ง ไอแพด iPad 3 (The new iPad)
ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2012 ที่ผ่านมา เวลา
10.00 น. ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา หรือเวลาประมาณ ตีหนึ่ง
ตามเวลาในประเทศไทย
สำหรับรูปลักษณ์การออกแบบ ไอแพด iPad 3 (The new iPad) นั้น สิ่งแรกที่เราสังเกตเห็นก็คือ หน้าตาของ ไอแพด iPad 3 (The new iPad) นั้น มีหน้าตาเหมือนกับ ไอแพด 2 (iPad 2) แทบจะทุกประการ อีกทั้ง ไอแพด iPad 3 (The new iPad) ยังมีหน้าตาคล้ายกับ ภาพหลุด จากเว็บ MIC GADGET ที่มาเป็นคลิปวิดีโอ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้อีกด้วย เรามาดูกันว่า ไอแพด iPad 3 (The new iPad) มีความโดดเด่นในด้านใดบ้าง และ ไอแพด iPad 3 (The new iPad) จะเหนือกว่า ดีกว่า ไอแพด 2 (iPad 2) อย่างไร มาดูกันครับ
หน้าจอแบบ Retina Display ชัดขึ้น อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สำหรับใครที่เคยคิดว่า ไอแพด 2 (iPad 2) ก็ชัดอยู่แล้ว ดีอยู่แล้ว อาจจะต้องเปลี่ยนใจ เมื่อเจอ The new iPad (iPad 3) ครับ เนื่องจาก The new iPad (iPad 3) ใช้หน้าจอแบบ Retina Display ที่มีความละเอียดมากกว่าบน ไอแพด 2 (iPad 2) ถึง 4 เท่า ทำให้ The new iPad (iPad 3) มีระดับความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 2048 x 1536 พิกเซล
ความหนาแน่นพิกเซลที่ 264 ppi ให้สีที่คมชัดขึ้น 44% ซึ่งละเอียดกว่า
ความละเอียดระดับ HDTV เสียอีก และทำให้มุมมองของภาพกว้างขึ้นอีกด้วยครับ
ชิป Apple A5X พร้อมหน่วยประมวลผลภาพ (GPU) ระดับ Quad-core Processor
The new iPad (iPad 3) ใช้ชิป Apple A5X ซึ่งเป็นชิพเซ็ทแบบ Dual-core Processor ในขณะที่ระบบประมวลผลภาพ หรือ GPU นั้น เป็นชิพเซ็ทระดับ Quad-core Processor ที่สามารถรองรับกราฟฟิค กับหน้าจอความละเอียดแบบ Retina Display ได้เป็นอย่างดี
แบตเตอรี่ รองรับการใช้งานได้ 10 ชั่วโมงเท่าเดิม
ไม่น่าเชื่อว่า ด้วยคุณสมบัติที่เหลือล้นของ The new iPad (iPad 3)
ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแบบ Retina Display และ GPU ระดับ Quad-core Processor
จะสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 10 ชั่วโมงเท่าเดิม
แต่ถ้าหากใช้งานผ่านเครือข่าย 4G จะใช้งานได้ประมาณ 9 ชั่วโมงครับ
กล้องด้านหลัง ละเอียดขึ้น 5 ล้านพิกเซล
The new iPad (iPad 3) น่าจะถูกใจคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูปกันอย่างแน่นอนครับ จาก ไอแพด 2 (iPad 2) ที่มีกล้องละเอียดเพียง 0.7 ล้านพิกเซล กลายเป็น The new iPad (iPad 3) ที่มีกล้องด้านหลัง ความละเอียดถึง 5 ล้านพิกเซล ที่มีชื่อว่า iSight Camera เรียกได้ว่า หน้าจอชัดยังไม่พอ รูปถ่ายที่ได้ ยังคมชัดอีกด้วยครับ
สำหรับเลนส์บน The new iPad (iPad 3) นี้ เป็นเซ็นเซอร์แบบ Backside illumination sensor ที่ให้ภาพที่คมชัด แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะแสงจ้า หรือแสงน้อยก็ตาม โดยเลนส์ที่ใช้ประกอบนั้น เป็นเลนส์ทั้งหมด 5 ชิ้นครับ (five-element lens) ประกอบออกมาเป็นเลนส์ 1 ชุด และมีขนาดรูรับแสงกว้างที่ ƒ/2.4 พร้อม Hybrid IR Filter สำหรับการกรองคลื่นแสงอินฟราเรด ทำให้ถ่ายภาพได้สีสดมากขึ้น โดยสามารถพบได้ทั่วไปตามกล้อง DSLR อยู่แล้ว
ส่วนการถ่ายภาพวิดีโอ สามารถบันทึกได้ขนาดสูงสุดที่ Full HD 1080p ครับ
รองรับ Smart Cover
ใครที่มี Smart Cover อยุ่แล้ว ไม่ต้องเสียดายครับ เพราะ Smart Cover บน ไอแพด 2 (iPad 2) นั้น สามารถใช้กับ The new iPad (iPad 3) ได้เช่นกัน
รองรับเครือข่าย 4G LTE
เพิ่มประสิทธิภาพในการท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้เร็วขึ้น
ด้วยคุณสมบัติในการรองรับเครือข่าย 4G LTE ที่สามารถดาวน์โหลดได้เร็วถึง 73
Mbps เลยทีเดียวครับ นอกจากนี้ The new iPad (iPad 3) ยังรองรับเครือข่าย GSM/UMTS ที่สามารถใช้งานได้ทั่วโลกอีกด้วย
สามารถเป็น Hotspot ได้แล้ว
อีกหนึ่งความสามารถ ที่ใครหลายๆ คนต้องการ เพราะในที่สุด The new iPad (iPad 3)
ก็สามารถใช้เป็น Personal hotspot ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
โดยสามารถเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ด้วยกัน ผ่านทาง Wi-Fi, Bluetooth
หรือ USB
มี Dictation ในตัว
ถ้าหากใครที่ใช้ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) มาแล้ว คงจะรู้จักฟังก์ชั่น Dictation กันเป็นอย่างดี โดย Dictation นี้ จะทำหน้าที่พิมพ์แทนเรา เพียงแค่พูดครับ ซึ่งวิธีการใช้งานก็ง่ายๆ อยากให้ The new iPad (iPad 3)
พิมพ์คำว่าอะไร ก็กดปุ่ม Dictation แล้วพูด
ระบบจะทำการพิมพ์ให้เราโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นวิธีการที่สะดวก
และปลอดภัยอย่างมาก ถ้าหากใช้งานขณะขับรถอยู่ครับ
iPhoto
จากโปรแกรมยอดฮิตบน Mac ได้มาสู่ The new iPad (iPad 3) เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ กับ iPhoto
หรือโปรแกรมจัดการภาพถ่าย ที่สามารถจัดการกับภาพถ่ายได้อย่างง่ายดาย
และเป็นหมวดหมู่ สามารถเลือกภาพมาเปรียบเทียบกันได้ หรือตั้งเป็น favourite
ก็สามารถทำได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัสครับ
นอกจากนี้ iPhoto ยังสามารถแก้ไขภาพถ่ายได้ง่ายๆ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้าน Photoshop ครับ อยากปรับสีจุดไหน อยากแก้ไขภาพตรงไหน ก็แค่แตะ แล้วลากขึ้นลงตามใจชอบ
ภาพถ่ายธรรมดาๆ คงจะดูเชยไปแล้ว มาเพิ่มลูกเล่นให้กับภาพถ่าย ด้วยเอฟเฟกซ์บน iPhoto กันครับ
ปิดท้ายการตกแต่งภาพขั้นตอนสุดท้าย ด้วย Brushes
สำหรับการแต่งภาพเฉพาะจุด เช่น อยากให้ภาพสว่างขึ้น คมชัดชึ้น หรือมืดลง
หรือให้ภาพมีลักษณะนวล เลือก Brushes ที่ต้องการ
แล้วปาดลงไปบนจุดที่ต้องการจะแก้ไขครับ
เมื่อเราทำการตกแต่งภาพถ่าย ด้วย iPhoto เสร็จเรียบร้อยแล้ว เรามาสร้างเรื่องราวให้กับภาพต่างๆ เหล่านี้ ด้วย Photo Journals
ครับ ง่ายๆ เพียงแค่เลือกกลุ่มภาพที่ต้องการจะสร้าง จากนั้น iPhoto
จะทำการ จัดการเรียงภาพต่างๆ เหล่านี้ให้โดยอัตโนมัติ
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถอัพโหลดขึ้นแชร์บน Facebook, Twitter หรือ
Flickr ไว้อวดเพื่อนๆ ได้เลยทันทีอีกด้วย
สำหรับราคาของ iPhoto จำหน่ายอยู่ที่ $4.99 ครับ
ราคา The new iPad (iPad 3) ตอนเปิดตัวนั้น เท่ากับราคา ไอแพด 2 (iPad 2)
ตอนเปิดตัว โดยมี 3 ความจุให้เลือกคือ 16 GB, 32 GB และ 64 GB และ 2
โมเดลให้เลือก นั่นก็คือ Wi-Fi และ Wi-Fi + 4G โดยมีราคาเป็นดังนี้ครับ
|
16GB
|
32GB
|
64GB
|
| Wi-Fi |
$499
(15,900 บาท)
|
$599
(18,900 บาท)
|
$699
(21,900 บาท)
|
| Wi-Fi + 4G |
$629
(19,900 บาท)
|
$729
(22,900 บาท)
|
$829
(25,900 บาท)
|
ไอแพด 2 (iPad 2) ราคาลดลง 3,000 บาท
ตามธรรมเนียมครับ เมื่อมีการออก iPad รุ่นใหม่ iPad รุ่นก่อนหน้า จะมีการปรับราคาลง รุ่นละ $100 หรือประมาณ 3,000 บาท ทำให้ ไอแพด 2 (iPad 2)
นั้น จำหน่ายที่ราคา $399 หรือประมาณ 12,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ
$529 หรือประมาณ 15,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + 3G และเหลือเฉพาะความจุ 16
GB อีกด้วยครับ
The new iPad (iPad 3) จะวางจำหน่ายครั้งแรก ในวันที่ 16 มีนาคมนี้
ใน 10 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส,
เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย
และ The new iPad (iPad 3) จะวางจำหน่ายเพิ่มอีก 26 ประเทศ ในวันที่ 23 มีนาคม
นี้ ได้แก่ ออสเตรีย, เบลเยี่ยม, บัลแกเรีย, สาธารณเช็ค, เดนมาร์ก,
ฟินแลนด์, กรีซ, ฮังการี, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ลิกเตนสไตน์,
ลักเซมเบิร์ก, มาเก๊า, แม็กซิโก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์,
โปแลนด์, โปรตุเกส, เปอร์โต ริโก้, โรมาเนีย, สโลวาเกีย, สโลวาเนีย, สเปน
และสวีเดน
ส่วนการวางจำหน่ายในประเทศไทย ยังไม่มีวันจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ณ ขณะนี้ครับ
| ราคา : 15,900 บาท |
| Update : 2012-03-07
|
| สถานะ : วางจำหน่ายแล้ว |
|
|
|
| การออกแบบดีไซน์ |
|
|
6 |
| คุณสมบัติและฟังก์ชั่น |
|
|
7 |
| ความคุ้มค่า |
|
|
6 |
| คะแนนรวมเฉลี่ย (จำนวนผู้โหวต : 38 คน ) |
|
|
6 |
|
|
|
|
ข้อมูลสเปคของตัวเครื่อง
|
|
ขนาดของตัวเครื่อง
|
241.2 x 185.6 x 9.4 มิลลิเมตร มิลลิเมตร |
 |
 |
| น้ำหนัก |
652.00 กรัม |
 |
 |
| หน้าจอและความละเอียด |
จอแสดงผลกว้าง 9.7 นิ้ว แบบ LED-Backlit glossy widescreen Multi-Touch พร้อมเทคโนโลยี IPS ความละเอียด 2048x1536 พิกเซล |
 |
 |
| หน่วยประมวลผล (CPU) |
Dual-Core ARM Cortex A9 Processor |
 |
 |
| ชิพประมวลผลกราฟฟิค (GPU) |
PowerVR SGX543MP4 Quad-Core GPU |
 |
 |
| หน่วยความจำ (RAM) |
ไม่ระบุ |
 |
 |
| หน่วยความจำแบบอ่านอย่างเดียว (ROM) |
ไม่ระบุ |
 |
 |
| ระบบปฏิบัติการ (OS) |
iOS 5.1 |
 |
 |
| หน่วยความจำภายใน |
16 GB |
 |
 |
| หน่วยความจำภายนอก |
ไม่รองรับ |
 |
 |
| แบตเตอรี่ |
Li-Ion Polymer ใช้งานได้สูงสุดประมาณ 10 ชั่วโมง |
 |
 |
| ระบบ เซ็นเซอร์ ตรวจจับ |
Accelerometer Sensor และ Ambient Light Sensor |
 |
 |
|
ระบบเครือข่าย และ การเชื่อมต่อ
|
|
โทรศัพท์
|
ไม่รองรับ |
 |
 |
| รองรับ 3G |
ไม่รองรับ |
 |
 |
| รองรับ GPRS/EDGE |
ไม่รองรับ |
 |
 |
| ข้อมูลเครือข่ายที่รองรับ |
ไม่ระบุ |
 |
 |
| การเชื่อมต่อ Wi-Fi |
รองรับ (Wi-Fi 802.11 a/b/g/n) |
 |
 |
| รองรับ Bluetooth |
Bluetooth 4.0 |
 |
 |
| ระบบ GPS นำทาง |
|
 |
 |
|
ระบบเสียง มัลติมีเดีย และ พอร์ทต่างๆ
|
|
ลำโพง (Speaker)
|
มีในตัว |
 |
 |
| ไมโครโฟน |
มีในตัว |
 |
 |
| กล้องด้านหน้า |
ความละเอียดระดับ VGA |
 |
 |
| กล้องด้านหลัง |
ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล |
 |
 |
| ช่องต่อหูฟัง |
รองรับ ชุดหูฟัง ขนาด 3.5 มิลลิเมตร |
 |
 |
| พอร์ทเชื่อมต่อ HDMI |
เชื่อมต่อโดยใช้อุปกรณ์เสริม |
 |
 |
| พอร์ทเชื่อมต่อ USB |
USB Data Cable เวอร์ชั่น 2.0 |
 |
 |
|
คุณสมบัติเด่นของตัวเครื่อง และการรองรับไฟล์ต่างๆ
|
|
User Interface
|
Apple OS UI |
 |
 |
| ไฟล์แฟลช (Flash Player) |
ไม่รองรับ |
 |
 |
| ระบบ Multitasking |
รองรับการทำงานแบบ Multitasking |
 |
 |
| ระบบ Multitouch |
รองรับการใช้งาน Multitouch |
 |
 |
| ระบบช่วยสะกดคำอัตโนมัติ |
รองรับ |
 |
 |
| เว็บ Browser |
HTML Browser (Safari Web Browser)
- ระบบ Nitro JavaScript Engine |
 |
 |
| การดาวน์โหลด Application |
Appstore |
 |
 |
| โปรแกรม Messenger |
iMessage และ สามารถโหลดเพิ่มเติมได้ |
 |
 |
| ปุ่มกด |
แป้นควบคุมการทำงานแบบสัมผัส (Touch-Sensitive Panel) |
 |
 |
| คีย์บอร์ด |
Virtual QWERTY Keyboard |
 |
 |
ไฟล์เสียงที่รองรับ
|
รอง
รับการเล่นไฟล์เพลงประเภท HE-AAC (V1 และ V2), AAC (8 ถึง 320 Kbps),
Protected AAC (จาก iTunes Store), MP3 (8 ถึง 320 Kbps), MP3 VBR, Audible
(Formats 2, 3 และ 4, Audible Enhanced Audio, AAX และ AAX+), Apple
Lossless, AIFF และ WAV |
 |
 |
| ไฟล์วีดีโอที่รองรับ |
รองรับการเล่นไฟล์วิดีโอประเภท H.264, M4V, MP4, MOV, MPEG4, Motion JPEG (M-JPEG), AVI |
 |
 |
| ไฟล์เอกสารที่รองรับ |
ไม่ระบุ |
|
|
|
คุณสมบัติอื่นๆ ของตัวเครื่อง
|
|
 |
 |
| โปรแกรมเสริมอื่นๆ |
- โปรแกรม Find My iPad สำหรับการค้นหาเครื่อง iPad จากพิกัดในแผนที่
- โปรแกรม iBooks สำหรับการดาวน์โหลดและเปิดอ่านหนังสือจาก iBookstore
- รองรับการสนทนาพร้อมภาพวิดีโอผ่านระบบ WiFi ด้วยโปรแกรม FaceTime |
 |
 |
| ข้อมูลเกี่ยวกับ SMS |
ไม่มี |
 |
 |
| ข้อมูลเกี่ยวกับ Email |
รอง
รับการเปิดดูไฟล์แนบหลากหลายรูปแบบหรือนามสกุล ได้แก่ .jpg, .tiff, .gif
(รูปภาพ) / .doc และ .docx (Microsoft Word) / .htm และ .html
(หน้าเว็บเพจ) / .key (Keynote) / .numbers (Numbers) / .pages (Pages) /
.pdf (Preview และ Adobe Acrobat) / .ppt และ .pptx (Microsoft PowerPoint)
/ .txt (Text); .rtf (Rich Text Format); .vcf (Contact Information) /
.xls และ .xlsx (Microsoft Excel) |
 |
 |
| ข้อมูลอื่นๆ |
- รองรับแผ่นปิดหน้าจอแบบ iPad Smart Cover ซึ่งยึดติดกับหน้าจอด้วยเทคโนโลยีแม่เหล็ก
- รองรับการชาร์จแบตเตอรี่ผ่านทางสาย USB
- รองรับการใช้งานฟังก์ชัน Video Calling (สนทนาพร้อมภาพวิดีโอ)
- มี 2 สีให้เลือก (ดำ และ ขาว) |
|
เมื่อวันที่ : 08 มีนาคม 2555 |
No comments:
Post a Comment